การติดตั้งประตูกันเสียงอย่างมืออาชีพ

ข้อดีของการเลือกใช้ประตูกันเสียงแทนประตูธรรมดา

การติดตั้งประตูกันเสียง นอกจากการป้องกันเสียงรบกวนแล้ว ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับพื้นที่หลายประการ เป็นที่รู้กันดีว่าประตูกันเสียงจะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก เช่น เสียงรถ เสียงเครื่องจักร เสียงจากเพื่อนบ้าน เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน ห้องเรียน ห้องอัดเสียง ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจดจ่อกับกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่ถูกรบกวน แต่ประตูกันเสียงก็มีข้อดีอื่น ๆ ที่ประตูธรรมดาให้ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพช่วยป้องกันฝุ่นควัน ลม และแมลง ทำให้เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการรักษาความสะอาด เช่น ห้องอาหาร โรงพยาบาล ห้องปฏิบัติการ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และสบาย

นอกจากนี้ประตูกันเสียงยังเหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ เช่น บ้าน อาคารสำนักงาน ร้านค้า ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถประหยัดพลังงาน และค่าใช้จ่ายในการปรับอากาศ การติดตั้งประตูกันเสียงให้กับพื้นที่ของคุณยังช่วยเพิ่มมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ ได้อีกด้วย ดังนั้นการเลือกใช้ประตูกันเสียงที่มีคุณภาพ เหมาะกับการใช้งาน และติดตั้งอย่างถูกต้อง จะช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประโยชน์ที่มากกว่าการป้องกันเสียงรบกวน

วิธีการติดตั้งประตูกันเสียงอย่างมืออาชีพ

  1. เลือกประตูกันเสียงที่เหมาะสมกับการใช้งาน
    การเลือกประตูกันเสียงที่เหมาะสม จะต้องพิจารณาจากขนาดพื้นที่ ระดับการกันเสียงที่ต้องการ งบประมาณ และประเภทของวัสดุ โดยควรเลือกประตูที่มีค่า STC (Sound Transmission Class) หรือ ค่าที่บอกประสิทธิภาพการป้องกันเสียงของระบบผนัง หาก STC ยิ่งสูงแสดงว่ายิ่งกันเสียงได้ดี โดยเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการ เช่น STC 25-30 เหมาะสำหรับห้องนอนทั่วไป STC 35-40 เหมาะสำหรับห้องทำงาน ห้องซ้อมดนตรี STC 45+ เหมาะสำหรับสตูดิโอ ห้องอัดเสียง

  2. เตรียมพื้นที่ให้พร้อมสำหรับการติดตั้ง
    ทำการวัดขนาดพื้นที่เพื่อติดตั้งประตูกันเสียง โดยการวัดขนาดวงกบประตูเดิม วัดความกว้าง ความสูง และความหนาของผนัง รวมถึงตรวจสอบว่าผนังแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักประตูใหม่ หากมีประตูเดิมอยู่จะต้องรื้อประตูเก่าออก และตกแต่งผนังให้เรียบเสมอกันหลังการรื้อถอน

  3. ติดตั้งวงกบประตู
    วางวงกบประตูลงบนพื้นที่ที่เตรียมไว้ ปรับระดับวงกบให้แนบสนิทกับผนังโดยใช้วัสดุปรับระดับ ยึดวงกบกับผนังด้วยพุกหรือสกรู จากนั้นตรวจสอบความแนบสนิท และความมั่นคงของวงกบเป็นขั้นตอนสุดท้าย

  4. ติดตั้งขอบยางกันเสียง
    ขอบยางกันเสียงเป็นส่วนสำคัญของประตูกันเสียง ช่วยป้องกันไม่ให้เสียงรบกวนจากภายนอกเข้ามารบกวนภายในห้อง การติดตั้งขอบยางกันเสียงที่ถูกต้อง จะช่วยให้ประตูกันเสียงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยควรเลือกใช้ขอบยางกันเสียงที่มีขนาดเหมาะสมกับวงกบประตู และขอบประตู ทากาวซิลิโคนลงบนด้านหลังของขอบยางกันเสียง ระวังอย่าให้ทากาวซิลิโคนหนาเกินไป และติดตั้งขอบยางกันเสียงรอบวงกบประตูทั้งด้านในและด้านนอก ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขอบยางแนบสนิทกับวงกบ และผนัง

  5. ติดตั้งบานประตู
    ยกบานประตูใส่เข้ากับวงกบ ปรับระดับบานประตูให้แนบสนิทกับวงกบ ติดตั้งอุปกรณ์ล็อก และบานพับ

  6. ตรวจสอบการทำงาน
    เปิดปิดประตูกันเสียงเพื่อตรวจสอบว่าทำงานได้อย่างราบรื่น ตรวจสอบช่องว่างระหว่างบานประตูกับวงกบ ปรับแต่งการติดตั้งหากจำเป็น

การเลือกใช้บานประตูกันเสียงที่มีคุณภาพ จะทำให้ความสามารถในการกันเสียงมีประสิทธิภาพมากขึ้น การเลือกใช้บานประตูกันเสียงที่มีคุณภาพ ควบคู่ไปกับการติดตั้งที่ถูกต้อง จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการกันเสียงดีขึ้นอย่างมาก ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก เพิ่มความเป็นส่วนตัว และสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบภายในห้อง

เลือกประตูกันเสียงคุณภาพ เลือกคอนเซ็ปดอร์ (Concept Door) ผู้ผลิต และจำหน่ายประตูอลูมิเนียม ประตูสแตนเลสทนไฟ ประตูเหล็กทนไฟประเภทต่าง ๆ เช่น ประตูหนีไฟ, ประตูกันเสียง, ประตูกันระเบิด, หน้าต่างบานเกล็ด วงกบเหล็ก, ประตูสแตนเลส ราคาถูก รวมถึงหน้าต่างหลากหลายประเภท อาทิ หน้าต่างเหล็กบานกระทุ้ง หน้าต่างเหล็ก z หน้าต่างเหล็ก loft ฯลฯ มาพร้อมบริการติดตั้งประตูเหล็กแบบครบวงจร ผลิตด้วยเครื่องจักรที่ทันสมัย และทีมงานผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์สูง สินค้าคุณภาพ ตรงความต้องการ พร้อมส่งตรงถึงลูกค้าด้วยความรวดเร็ว


สอบถามราคา ประตูเหล็กทนไฟ ทั้งประตูกันเสียง ประตูหนีไฟ ประตูกันระเบิด ประตูอลูมิเนียม และประตูสแตนเลส  หน้าต่างเหล็กบานกระทุ้ง หน้าต่างเหล็ก z หน้าต่างเหล็ก loft ประตูอลูมิเนียม ราคาถูก และประตูสแตนเลส ราคาถูก

โทร : 02-404-0161 , 086-044-0888 , 086-043-0888
Email : conceptdoors@hotmail.com
Line ID : @ccddoor
Line ID :
ccd159

Facebook : https://www.facebook.com/conceptdoors